ปัจจุบันอาหารน้องหมา น้องแมว มีให้เลือกในท้องตลาดมากมายหลายเกรด จนทาสๆปวดหัวไม่รู้จะเลือกอะไรดี เราจึงมีข้อแนะนำในการเลือกอาหารให้เหล่าเจ้านายมาให้ดูกัน
- ส่วนประกอบ [Ingredients] ลองพลิกถุงดูส่วนประกอบว่าอาหารเหล่านั้นทำจากวัตถุดิบอะไรบ้าง ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้จะเป็นตัวบอกเกรดอาหาร โดยให้ดูส่วนประกอบ 4-5 ลำดับแรก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของอาหาร (ส่วนประกอบจะเรียงจากมาก-น้อย)
- ผลพลอยได้จากสัตว์ต่างๆ( by-product ) ไม่ควรมีส่วนผสมที่มาจากผลพลอยได้ต่างๆ( by-product ) ผลพลอยได้ที่ว่าเช่นพวกขน กีบ จงอยปาก เครื่องใน หัวไก่ ตีนไก่ กีบวัว เขา ขน หนัง หรืออะไรก็ตามที่เหลือทิ้งหลังจาก ผ่านกระบวนการชำแหละแล้ว หรือของที่เหลือจากที่คนสามารถบริโภคได้หรือบางอย่างที่คนไม่บริโภค เช่นสมอง บางครั้งอาจรวมไปถึงคราบสกปรกหรือเศษผงที่เหลืออยู่ ส่วนผสมพวกนี้มีคุณค่าทางโปรตีนก็จริง แต่เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพต่ำ และแทบจะไม่ได้ให้สารอาหารใดๆแก่สุนัขและแมวเลย อาจจะสามารถวิเคราะห์ค่าของโปรตีน ได้มาก แต่คุณค่าทางอาหารหรือการนำไปใช้ประโยชน์ของสุนัขและแมวมีน้อยมาก พอยอมรับได้บ้างถ้าไปอยู่ในส่วนผสม อันดับท้ายๆ ไม่ควรมาอยู่ใน 4 อันดับแรก
- ข้าวโพด [Corn] ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม เช่น "ground yellow corn," "corn meal," "corn gluten meal." ข้าวโพดมีหน้าที่หลักคือทำให้อิ่ม และให้โปรตีน ทำให้ผู้ผลิตบางยี่ห้อนำมาใช้เพื่อเพิ่ม % ของโปรตีนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามสุนัขและแมวไม่สามารถย่อยข้าวโพดและนำโปรตีนจากข้าวโพดไปใช้ได้ เนื่องจากว่าสุนัขและแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ และ้พลังงานจากเนื้อสัตว์และไขมันเป็นหลัก
ความเพียงพอของสารอาหาร [ตามข้อกำหนดของ AAFCO]
- AAFCO [Association of American Feed Control Officials] เป็นองค์กรที่ใช้เป็นมาตรฐานในการกำหนดคุณภาพอาหารสัตว์ ซึ่งตามข้อกำหนดของ AAFCO อาหารสุนัขโตแบบเม็ดจะต้องมีค่าโปรตีนไม่ต่ำกว่า 18 % ลูกสุนัขไม่ต่ำกว่า 22.5 % และแมวโตต้องมีค่าโปรตีนไม่ต่ำกว่า 26 % ลูกแมวไม่ต่ำกว่า 30 %
นอกจากข้อกำหนดจาก AAFCO ควรจะพิจารณาจากคุณสมบัติทางกายภาพของสัตว์เลี้ยงของเราด้วย เช่น ถ้าเป็นสุนัขหรือแมวที่ผอม ทานยาก หรือเป็นสุนัขหรือแมว Active กิจกรรมเยอะก็ควรให้อาหารที่มีโปรตีน, ไขมันมากหน่อย แต่ถ้าสุนัขหรือแมวอ้วน กิจกรรมน้อย ก็ควรเลือกอาหารที่มีไขมันต่ำเป็นต้น เพราะฉะนั้นควรพลิกถุงหา คำว่า “คุณภาพอาหารสัตว์ทางเคมี [Guaranteed Analysis]” ซึ่งจะบอกเปอร์เซนต์ของสารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีน ไขมัน ความชื้น เป็นต้น
ส่วนการแบ่งเกรดอาหารนั้น สามารถแบ่งได้ตามวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต โดยจะแบ่งได้ดังนี้
1. Economic Grade หรือ Standard Grade เป็นอาหารสุนัขสำเร็จรูปเกรดมาตรฐาน โดยจะผ่านการผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐาน มีการรับรองจากกรมปศุสัตว์ ใช้วัตถุดิบหลากหลายในการประกอบสูตรอาหาร เช่น ข้าวเจ้า, ข้าวสาลี, ข้าวโพด, ถั่วเหลือง, เนื้อไก่, เนื้อวัว, น้ำมันพืช, วิตามินและแร่ธาตุ อาจจะมีการเสริมวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์นอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก (Feed additive) เช่น วิตามิน, กรดอะมิโน, แร่ธาตุ, เอนไซม์, สารถนอมคุณภาพอาหารสัตว์, สารแต่งกลิ่น-รส, สารให้สี ฯลฯ ลงไปเพื่อเพิ่มคุณภาพของอาหารให้สูงขึ้น ราคาอาหารสุนัขเกรดมาตรฐานจะอยู่ในระดับปานกลาง ไม่สูงจนเกินไป หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านเพ็ทช็อป ทั่วไป
2. Premium Grade สำหรับอาหารสุนัขเกรดพรีเมียมเป็นอาหารที่ผ่านการรับรองจากกรมปศุสัตว์ และหน่วยงานจากต่างประเทศ เช่น AAFCO (Association of American Feed Control Officials) โดยจะมีราคาสูงกว่าอาหารสุนัขเกรด Economic เพราะจะใช้วัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพมากกว่า โดยวัตถุดิบในการผลิตส่วนใหญ่จะมีแหล่งโปรตีนที่มาจากเนื้อสัตว์ เช่น โปรตีนจาก เนื้อไก่ , เนื้อวัว , เนื้อแกะ , วิตามิน , แร่ธาตุ ฯลฯ แต่ทั้งนี้ อาจจะมีการใช้วัตถุดิบที่เหลือจากการผลิต (By product) เช่น ปิก , เอ็น , หัว, กระดูก , เครื่องใน ฯลฯ มาผสมบ้างเล็กน้อย
นอกจากนี้อาหารสุนัขเกรดพรีเมียมยังมีการเสริมวัตถุที่เติมในอาหารสัตว์นอกเหนือจากวัตถุดิบหลัก (Feed additive) ที่มีคุณภาพสูงไปในอาหาร เพื่อให้มีสารอาหารครบถ้วนมายิ่งขึ้น ซึ่งอาหารเกรดพรีเมียมนี้ก็จะได้รับการรับรองถึงปริมาณสารอาหารที่อยู่ในถุง และมีส่วนผสมครบถ้วนตามที่อ้างอิงไว้ รวมไปถึงมีการบอกถึงวัน เดือน ปี ที่ผลิตและวันหมดอายุของสินค้า และมีที่อยู่หรือเบอร์ติดต่อผู้ผลิตด้วย
ส่วนอาหาร Super Premium Grade นั้น มีความแตกต่างจากอาหารเกรดพรีเมียมเล็กน้อย โดยจะเน้นความละเอียดในการคัดเลือกวัตถุดิบให้ดียิ่งขึ้น (ไม่มีการใช้วัตถุดิบที่เหลือจากการผลิตมาเจอปน) เพิ่มกรดไขมันที่ดีขึ้น ใช้แร่ธาตุที่่ผ่านการสังเคราะห์เพื่อให้ดูดซึมง่าย ซึ่งในส่วนของราคาก็จะเพิ่มขึ้นจากราคาปกติ ประมาณ 20-30%
3. Holistic Grade อาหารเกรดโฮลิสติกเป็นอาหารที่มีส่วนผสมของอาหาร เช่น โปรตีนจากเนื้อไก่ แกะ และปลาเเซลมอน หรือ อื่นๆ ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าเกรดพรีเมี่ยม คือ เป็นอาหารธรรมชาติปลอดสารเคมี มีกรดอะมิโนต่างๆ ที่เสริมสร้างกล้ามเนื้อและพัฒนาการของสุนัขเพื่อให้สุนัขมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น (ในบางยี่ห้ออาจจะมีส่วนผสมของ กรดไขมัน ประเภทดีเอชเอ อีกด้วย) นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของพืชที่มีประโยชน์ และวิตามินบางตัว เพื่อให้อาหารนั้นมีคุณค่าครบถ้วน
ปัจจุบันอาหารสุนัขเกรดโฮลิสติก จะแบ่งออกเป็นหลายๆ สูตร เช่น สูตรบำรุงรักษาผิวหนัง และขน สำหรับสุนัขที่ต้องการขนสวยมากๆ ก็จะใส่ส่วนผสมที่มีคุณค่าด้านผิวหนัง และขนมากกว่า ส่วนผสมอื่นๆ (ซึ่งส่วนผสมด้านอื่นๆ จะน้อยลงไป) อาหารสุนัขสูตรนี้มีราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว แต่ก็ถือว่าเป็นราคาที่คุ้มกับคุณภาพของอาหาร
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกอาหารเกรดไหน ก็ควรจะสลับเปลี่ยนยี่ห้อ เปลี่ยนสูตรบ้าง เพื่อให้น้องหมาน้องแมวได้รับสารอาหารครบถ้วน ไม่ได้รับสารอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากหรือน้อยเกินไป รวมทั้งน้องหมาน้องแมวจะได้ไม่เบื่ออาหาร หรือติดอาหารเดิมๆมากเกินไป
ข้อมูลบางส่วนจาก
www.dogilike.com
www.feedmeplease.com
www.aafco.org
www.tailybuddy.com
www.ahna.net
moderndogmagazine.com
รูปประกอบจาก
www.dogcouturecountry.com
www.petmd.com
www.aafco.org
http://best-wow-guide.info
www.thelabradorsite.com
หน้าที่เข้าชม | 10,770 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 7,322 ครั้ง |
เปิดร้าน | 11 ต.ค. 2560 |
ร้านค้าอัพเดท | 1 ก.ย. 2568 |